Search for:
  • Home/
  • Games News/
  • ยังไม่จบ! จับตาวิกฤติธนาคารในสหรัฐ ผู้ฝากเงินขาดความเชื่อมั่น

ยังไม่จบ! จับตาวิกฤติธนาคารในสหรัฐ ผู้ฝากเงินขาดความเชื่อมั่น

น.ส.ธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ประเมินสถานการณ์วิกฤติธนาคารขนาดกลางและเล็กของสหรัฐ คาดว่าคงจะยืดเยื้อ เนื่องจากธนาคารที่ถูกจับตามองยังไม่ได้แก้ปัญหางบดุล เช่น การกระจุกตัวของเงินฝาก หรือการบริหารความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ย ก็จะยังทำให้ผู้ฝากเงินขาดความมั่นใจ และทางการสหรัฐ มีเจตนาที่จะแก้ปัญหา โดยไม่ใช้เงินภาษีของประชาชน ทำให้การตัดสินใจอาจใช้เวลาคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

นอกจากนี้ ธนาคารที่จะเข้ามาซื้อกิจการในธนาคารที่ประสบปัญหาคงใช้เวลาในการตัดสินใจเช่นกัน สุดท้ายแล้ว ธนาคารที่เป็นประเด็นก็อาจหลีกเลี่ยงการปิดตัวลงได้ยาก อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ และธนาคารกลางชาติอื่น ๆ เข้าดูแลสภาพคล่องของระบบอย่างรวดเร็ว น่าจะช่วยยับยั้งสถานการณ์ไม่ให้ลุกลามจนกลายเป็นวิกฤติการเงินโลกได้คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ส่วนในระยะถัดไปประเด็นติดตามอยู่ที่ทางการสหรัฐ จะปรับปรุงกฏหมายการกำกับดูแลภาคธนาคารสหรัฐให้เข้มงวดขึ้น สำหรับธนาคารขนาดกลาง และเล็กหรือไม่ ซึ่งหากมีการดำเนินการได้จริงในการปฏิบัติ ก็อาจทำให้ธนาคารระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น กระทบผลประกอบการธนาคารกลุ่มดังกล่าวในระยะกลาง

น.ส.ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ปัญหาภาคธนาคารจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงมากกว่าเดิม และมีแนวโน้มสูงขึ้นที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยบางไตรมาสในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งมาจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดอีก 0.25% จากช่วงก่อนเกิดปัญหาภาคธนาคารสหรัฐ ที่ตลาดมองว่า จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 0.50%

“เฟดมีการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 1 ครั้ง ในขณะที่ยังไม่มองการปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ และยังให้น้ำหนักกับการควบคุมเงินเฟ้อ สถานะทางการเงินของธนาคารยังแข็งแกร่ง พร้อมใช้ทุกเครื่องมือทางการเงินดูแลเสถียรภาพทางการเงิน”

ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มชะลอลงมากกว่าเดิมน่าจะมีผลกระทบต่อไทยผ่านช่องทางการค้า โดยเฉพาะภาคการส่งออก ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อของไทยทยอยปรับตัวลดลง ตามทิศทางราคาพลังงานที่ลดลงตามการชะลอตัวลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลก จึงปรับลดประมาณการเงินเฟ้อทั่วไปในปี 66 ลงมาที่ 2.8% จากเดิม 3.2% แต่ไทยมีปัจจัยบวกจากการท่องเที่ยว ที่น่าจะเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี 66 ที่อาจสูงกว่าที่คาดไว้เดิมที่ 25.5 ล้านคน มาที่ 28.5 ล้านคน ทำให้ในภาพรวมแล้วจึงยังคงประมาณการจีดีพีสำหรับปี 66 ไว้ที่ 3.7% แต่ทิศทางเศรษฐกิจไทยยังเต็มไปด้วยปัจจัยความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกจึงยังเป็นประเด็นที่ยังคงติดตามต่อไป

“ผลกระทบกับระบบธนาคารไทยจำกัด โดยพบว่า ไม่มีธนาคารไทยที่มีธุรกรรมโดยตรงกับซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ และ ปริมาณธุรกรรมโดยรวมของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยในฟินเทค และสตาร์ทอัพทั่วโลกมีน้อยกว่า 1% ของเงินกองทุนของกลุ่มธนาคาร และ กลุ่มธุรกิจของธนาคารถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับต่ำที่ 200 ล้านบาท ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท.ที่เข้มงวด ที่สำคัญธนาคารมีโครงสร้างสินทรัพย์ และหนี้สินที่สมดุลกว่า ตลอดจนมีสภาพคล่อง และเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระดับสูง”